แนวทางการตั้งค่าต่างๆให้กับ Reverb สำหรับเสียงร้อง

แนวทางการตั้งค่าต่างๆให้กับ Reverb สำหรับเสียงร้อง

การตั้งค่า Reverb สำหรับเสียงร้อง (Vocals) เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เสียงร้องฟังดูเป็นธรรมชาติและเข้ากับบรรยากาศของเพลงได้ดี และนี้จะเป็นแนวทางการตั้งค่า Reverb สำหรับเสียงร้องสำหรับผู้ที่ยังไม่รู้จะเริ่มต้นปรับตรงไหนก่อนนะครับ เรามาเริ่มที่

1. การเลือกประเภทของ Reverb

  • Plate Reverb: เหมาะสำหรับเสียงร้องที่ต้องการความเป็นประกายและความคมชัด เนื่องจากมีการสะท้อนที่รวดเร็วและชัดเจน
  • Hall Reverb: เหมาะสำหรับเพลงที่ต้องการความลึกและความเป็นธรรมชาติ เช่น เพลงบัลลาดหรือเพลงที่ต้องการบรรยากาศกว้างขวาง
  • Room Reverb: เหมาะสำหรับเสียงร้องที่ต้องการความใกล้ชิดและความอบอุ่น เหมาะกับเพลงแนวอคูสติกหรือป๊อป

2. การตั้งค่า Pre-Delay

  • Pre-Delay: ตั้งค่าให้มีระยะเวลาระหว่างเสียงต้นทางและการสะท้อนเสียงแรกประมาณ 20-50 มิลลิวินาที เพื่อให้เสียงร้องยังคงความชัดเจนและไม่ถูกกลบด้วย Reverb

3. การตั้งค่า Decay Time

  • Decay Time: ตั้งค่าให้เหมาะสมกับบรรยากาศของเพลง โดยทั่วไป Decay Time สำหรับเสียงร้องอยู่ระหว่าง 1.5-3 วินาที ขึ้นอยู่กับประเภทของเพลงและบรรยากาศที่ต้องการ

4. การใช้ EQ กับ Reverb

  • Low Cut: ตัดความถี่ต่ำ (Low Cut) ที่ประมาณ 200-400 Hz เพื่อป้องกันไม่ให้ Reverb ทำให้เสียงร้องฟังดูหมอง
  • High Cut: ตัดความถี่สูง (High Cut) ที่ประมาณ 8-12 kHz เพื่อป้องกันไม่ให้ Reverb ทำให้เสียงร้องฟังดูคมเกินไป

5. การตั้งค่า Mix/Blend

  • Mix/Blend: ตั้งค่าส่วนผสมระหว่างเสียงต้นทางและ Reverb ที่ประมาณ 10-25% ขึ้นอยู่กับความต้องการของเพลงและบรรยากาศ

6. การใช้ Automation

  • Automation: ใช้การปรับเปลี่ยนค่าต่างๆ ของ Reverb ในแต่ละส่วนของเพลง เช่น การเพิ่ม Reverb ในท่อนคอรัสเพื่อให้เสียงร้องฟังดูกว้างขวางและลด Reverb ในท่อนเวิร์สเพื่อให้เสียงร้องฟังดูใกล้ชิด

7. การทดลองและปรับแต่ง

  • การตั้งค่า Reverb ไม่มีสูตรตายตัว ควรทดลองและปรับแต่งตามความต้องการของเพลง และฟังผลลัพธ์เพื่อให้ได้เสียงร้องที่ฟังดูเป็นธรรมชาติและเหมาะสมกับบรรยากาศของเพลง

การตั้งค่า Reverb สำหรับเสียงร้องควรเน้นที่การเพิ่มความเป็นธรรมชาติและบรรยากาศที่เหมาะสม โดยการเลือกประเภทของ Reverb, การตั้งค่า Pre-Delay, Decay Time, การใช้ EQ, การตั้งค่า Mix/Blend, และการใช้ Automation เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้เสียงร้องฟังดูดีและเข้ากับเพลงได้อย่างลงตัว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *